วันอาทิตย์ที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2553

วิปัสสนาบนหน้าเค้ก


อันเนื่องมาจากหน้า 66 ที่เผยแพร่ลงในเนชั่นสุดสัปดาห์ฉบับล่าสุด ในช่วงการเมืองกำลังร้อนแรงไม่แพ้อากาศ ฉันเลยรับโทรศัพท์ไม่หยุดเลยค่ะ ฉันเล่าให้ผู้เขียนฟังว่ามีความสุข เพลิดเพลิน รื่นรมย์ สงบ สบาย ผ่อนคลายเพียงใด กับการได้ลุกขึ้นมาทำสิ่งที่ตัวเองชอบ คนเราจะทำอะไรให้ได้ดี โดยแยกเป็นหัวข้อ หรือแยกเป็นศาสตร์แขนงต่างๆ ได้กี่อย่างกันนะ คำตอบที่ได้จากการถามคนโน้นคนนี้ไปเรื่อย คือ 2 อย่างน่าจะโอเค

ฉันเคยนึกเถียงในใจว่า 3 ก็น่าจะไหวน่า แล้วก็ลองทำดู ทำทั้ง 3 ที่ใจชอบไปพร้อมๆ กัน นั่นคือ
1.การเขียนหนังสือ
2.การทำเค้ก
3.การวาดรูป

ข้อที่ 1 การเขียนหนังสือ ถือเป็นหัวข้อหลักของชีวิต เพราะลุกขึ้นมาทำเป็นอาชีพ สร้างสมประสบการณ์มา 20 กว่าปีแล้ว ชั่วโมงบินที่สะสมแต้มมาเรื่อยในข้อนี้แหละ คือรายได้หลักที่มาหล่อเลี้ยงชีพอันพอเพียงของฉัน
ส่วนข้อ 2 คือการทำเค้ก หัวข้อรองนี้แซงโค้งข้อ 3 เข้าเส้นชัยได้อย่างหลุดลอยเมื่อต้นปีนี้เองค่ะ
ฉันเห็นแม่ทำเค้ก ชอบปรุงอาหารคาวหวานเป็นกิจวัตร รสมือแม่นั้นซึมลึกเป็นรสชาติติดปากลืมกันลำบากจริงๆ จากที่เป็นลูกมือช่วยหยิบนู่นทำนี่ในครัว ฉันก็เลยได้สะสมแต้มประสบการณ์เรื่องการทำเค้กมาเรื่อยอย่างไม่รู้ตัว จนกระทั่งพอนึกอยากทำของหวานของชอบกินเอง เน้นวัตถุดิบดีๆ ปรุงสดใหม่กินกันในครอบครัวและกลุ่มเพื่อนฝูง ก็เลยดุ่ยๆ เข้าร้านหนังสือ ซื้อตำรับตำราทำเค้กมาอ่านๆๆๆ พร้อมกับเสิร์ชดูในเน็ต จับโน่นผสมนี่ ด้วยความที่เป็นคนรักการอ่าน และถนัดเขียนหนังสือแนวเฮลธ์ตี้อยู่เป็นทุนเดิม การผ่อนสูตรเค้กหนักนมเนย จึงลดทอนมาเป็นสูตรเฉพาะตัว ลดน้ำตาลหน่อย หนักเนยมากไม่ไหวจะใช้อะไรแทนดีแล้วถ้าเอาผลไม้ตามฤดูกาลมาปรุงปน เนื้อหนังของผลไม้ก็น่าจะให้รสหวานได้พอดีคำ อีสต์มีทเวสต์ น่าจะผสมผสานเข้ากันได้ คิดแล้วลองทำเลยไม่รีรอ ยิ่งได้เปิดซีดีธรรมะคลอขณะปรุงเค้ก โอย...ใจนิ่ง สูตรไม่เพี้ยน สมาธิมา ปัญญาเกิด คิดจะแต่งหน้าเค้กเป็นอะไร คล่องมือคล่องตัวโลดเลยค่ะ จึงเป็นที่มาของ วิปัสสนาบนหน้าเค้ก ไงคะ

ส่วนข้อ 3. คือการวาดรูป ฉันเรียนด้านนี้มาตั้งแต่เด็ก แต่ไม่ค่อยได้ฝึกปรือลงมือทำสักเท่าไหร่ เมื่อมาเจออาจารย์ดี ศิษย์นี้มีอาจารย์เกริกบุระ ยมนาค นำทางขึ้นโครงลงหลักปักเสาให้แม่นมั่นขึ้นทุกวัน ศาสตร์การวาดรูปจึงเป็นสิ่งพิเศษในใจที่คอยแต่งแต้มสีสันให้สดใส ระบายสีน้ำไม่ได้พึ่งแต่อารมณ์รื่นรมย์อย่างเดียวนะคะ ต้องมีปัญญาทางโลกที่จะเรียนรู้เส้นสาย แสงเงา สีสัน ที่ธรรมชาติสร้างสรรค์อย่างมีกฎเกณฑ์ ศิลปะสำหรับฉันมันคือวิทยาศาสตร์ มีเหตุและผลรองรับเส้นสายรวมถึงองค์ประกอบต่างๆ การเรียนรู้ในศาสตร์แห่งศิลป์ โอย...จนแก่ก็มิรู้จะเรียนจบรึเปล่านะคะอาจารย์


ไม่ว่าชีวิตฉันจะผูกติดกับข้อไหนใน 3 ข้อ ล้วนแล้วแต่ต้องอาศัยการฝึกฝน เก็บเกี่ยวประสบการ์ด้วยกันทั้งสิ้น ชีวิตนี้ไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ หรอกค่ะ เค้กสูตรสุขภาพของฉัน เกิดขึ้นจากการเพียรอ่าน เพราะเป็นคนอยากรู้ไงคะ เขาว่ามาร์การีนดี ดีจริงหรือ เค้กที่ใส่สารปรุงแต่งมากเกิน ฉันเมินไม่เอาดีกว่า หันเข้าหาวัตถุดิบดีๆ ที่ไม่ทำร้ายร่างกายมากน่าจะดี
ทำไปทำมาเลยเลื้อยยาวต่อเนื่องไปถึง ร้าน ณ ปรินายก คอฟฟี่เฮ้าส์ ที่เจ้าของร้านเป็นรุ่นเฟรชชี่เพิ่งจะหันมาดำเนินวิถี slow life โดยการเปิดร้านกาแฟของตัวเอง ร้านนี้อยู่ตรงเชิงสะพานผ่านฟ้า อยู่หัวมุมติดๆ กับธนาคารกรุงเทพสาขาสะพานผ่านฟ้าเลยค่ะ ฉันเองเป็นรุ่นพี่ slow life ก็เลยพึงพอใจในการส่งต่อเค้กไปวางขายที่นั่น จะทำเค้กแต่ละที ค่อยออกไปซื้อวัตถุดิบสดใหม่ใกล้ๆ บ้านมาทำ เค้กในร้านใกล้จะหมดค่อยทำต่อ ค่อยๆ ทำ ค่อยๆ ขาย ค่อยๆ ที่ว่าไม่ใช่ลีลาอืดอาดไร้วินัยนะคะ ฉันมีตารางเวลาในการทำงานแต่ละอย่างไว้ชัดเจน ทำแต่ละอย่างให้ลงตัวพอดีกับเวลาที่มี ไม่ยัดเยียด ไม่เคร่งเครียด ไม่รู้ว่าจะรีบร้อน เร่งรัด ไปเพื่ออะไร ก็ฉันโบกมือลาชีวิตเร่งรีบมาตั้งหลายปีดีดักแล้วนี่คะ ปรุงเค้กด้วยความสุขใจ จดจ่อและให้ใจกับมันอย่างลึกซึ้ง แล้วผลลัพธ์ที่ได้มันจะสะท้อนความสุขใจให้คุณเอง
ไม่ต้องสุขล้น เอาแบบพอประมาณ พอดี พอเพียง พอแล้วค่ะสำหรับการเติมสิ่งดีๆ ให้กับชีวิต