วันพุธที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2553

Slow Life...Na Parinayok



มีคนถามฉันบ่อยๆ ว่า
"ถ้าหันมาใช้ชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์แล้วจะทำให้ชีวิตต้องเนิบช้า
ปิดหูปิดตา ไม่รับข่าวสาร คิดอ่านตามคนอื่นไม่ทันหรือเปล่า?"


คำว่า Slow Life มิได้หมายถึงการไม่ใส่ใจสังคม แม้บางคนอาจจะหันหลังให้สังคมวุ่นๆ ก็ตาม แต่การเปิดหู เปิดตา เปิดใจ เผชิญหน้ากับสิ่งแวดล้อมรอบข้างก็ยังคงต้องดำเนินอยู่ต่อไป การเผชิญหน้ากับเหตุการณ์รายวันของคนที่เบรกอัตราเร่งของตัวเองให้ช้าลงหน่อย จะทำให้คนๆ นั้น 'ได้คิด'

การ 'ได้คิด' จะทำให้ 'คิดได้'
ไม่มองแบบผ่านๆ หรือทำอะไรแบบฉาบๆ แล้วหยิบฉวยออกมาแสดงตนว่ารู้จริง
ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้แง้มแงะให้สมองได้คิดวิเคราะห์... ลองให้เวลา ให้สมองได้กลั่นกรองความคิด เราก็จะมองเห็นทุกอย่างได้รอบด้านชัดเจนขึ้น นี่ต่างหากคือการเบรกชีวิตแบบฟาสต์ไลฟ์ที่คุ้นเคยกับการเร่ง รีบ ลัด เร็ว ด่วน ไปจนถึงด่วนที่สุด ให้เนิบช้าลง

หนังสือ Slow Life ที่ฉันเขียนบอกสูตรความสุขของตัวเอง มันเป็นสูตรเฉพาะตัวของฉัน ซึ่งก็ไม่แตกต่างจากชีวิตคนทั่วไปนักหรอก เพียงแต่ฉันมีโอกาสที่จะลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงตัวเอง เปลี่ยนความคิด เปลี่ยนอารมณ์ เปลี่ยนพฤติกรรมการกินและความเป็นอยู่ให้มาพบกับความสุขง่ายๆ จากการอยู่ง่ายๆ ใช้จ่ายไม่มาก ซึ่งต้องอาศัยเวลาในการปรับสูตรความสุขของตัวเองอยู่พักใหญ่ แต่หากไม่เริ่ม แล้วจะมีวันนี้ได้ยังไงกัน

สูตรความสุขของฉัน ทำให้ฉันได้รู้จักผู้คนอีกมาก จนกระทั่งชวนกันมาเป็นเพื่อนร่วมก๊วน Slow Life Club คิดเป็นเห็นด้วย ช่วยกันทำให้ชีวิตอยู่อย่างมีคุณภาพ ฉันในวันนี้เลยได้แวะเวียนไปที่ ร้านกาแฟ Na Parinayok อยู่บ่อยๆ ร้านนี้อยู่ตรงสะพานผ่านฟ้าพอดิบพอดี ติดกับวัดปรินายก ถ้ามาจากลานพระบรมรูปทรงม้า ขับรถตรงดิ่งไปถึงไฟแดงแยกสะพานผ่านฟ้า ก็ให้เลี้ยวขวา จะเห็นร้านกรุกระจกใส เรียบๆ ง่ายๆ ตั้งอยู่ตรงหัวมุม หรือหากลงจากทางด่วนยมราชเข้าถนนหลานหลวง ก็ต้องไปอ้อมอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ข้ามสะพานผ่านฟ้าแล้วเลี้ยวซ้าย ก็จะได้มานั่งรื่นรมย์ในร้านกาแฟอบอุ่นแห่งนี้ได้

ที่ฉันติดใจ ฉันเคยเล่าไปแล้วว่าติดใจน้ำใจคนผู้เป็นเจ้าของค่ะ น้องอู๊ดอายุยังไม่มากมาย แต่เรียนหนัก ทำงานหนัก จนความเครียดถามหา สมาธิไม่มี สติไม่มา ทำอะไรเบลอๆ ลอยๆ โลกช่างไม่สดใสเอาซะเลย แต่โอกาสยังเปิดให้เธอได้ลุกขึ้นมาปรับเปลี่ยนชีวิต เอาต้นทุนที่มีมาสร้างงานใหม่ วางกรอบให้ชีวิตใหม่ เธอจึงมีร้านกาแฟเป็นของตัวเอง ค้นหาฮาวทูชงกาแฟให้อร่อยเอง จากการค้นคว้า เรียนรู้ และหมั่นเพิ่มเติมประสบการณ์เพื่อถางทางชีวิตงานในรูปแบบใหม่ให้พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ

คำว่า 'ธุรกิจ' คือการทำมาค้าขายให้ได้กำไรก็จริง แต่สำหรับน้องอู๊ด เธอคิดเหมือนฉัน คือใส่ใจในผลิตภัณฑ์ที่ตัวเองทำ แล้วตั้งราคาขายแบบสมเหตุสมผล พูดถึงกำไรใครๆ ก็อยากได้ แต่เอาแบบไม่มากเกินจะดีกว่า ร้านกาแฟ ณ ปรินายก แห่งนี้ จึงเป็นร้านที่หล่อหลอมใจคนทำและรื่นรมย์ใจคนซื้อใครจะคิดว่าทำเลร้านที่อยู่หัวมุมตรงนี้ และไม่ได้ตกแต่งแบบอินเทรนด์โดนใจอะไรนัก จะมีคนแวะเวียนมาอุดหนุนเธออยู่เรื่อยๆ ไม่ใช่เพราะใจคนขายดึงใจคนซื้อหรอกหรือ

นี่คือตัวอย่างชีวิตสโลว์ที่เปิดรับความสุขใส่ตัวได้อย่างง่ายๆ จากชีวิตที่เคยเร่งร้อน เป็นมนุษย์เงินเดือนค่าตัวไม่ถูก วันนี้กลายเป็นสาวสโลว์ที่ใส่ใจความคิดของตัวเองมากขึ้น แค่เริ่มต้นทำงานรับเงินในราคาไม่แพง เธอก็มองเห็นโลกนี้สดใสขึ้นแล้ว ต่อไปจะเป็นอย่างไร อยู่ที่การปรับแต่งอัตราการเร่งของชีวิตเธอค่ะ จะสุขง่ายหรือสุขยาก อยู่ที่เธอจะทำแต้มบวกให้กับชีวิตได้มากน้อยแค่ไหน

ถ้าคิดได้ คิดดี ก็เป็นศรีแก่ตัว จริงมั้ยคะ

วันอาทิตย์ที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2553

ชาเขียว...ที่คัดสรร

การที่เราจะถูกใจคน จะถูกใจร้านดื่มกินชวนนั่ง หรือจะถูกใจเครื่องดื่มสักถ้วย มันมีองค์ประกอบหลายอย่างค่ะ ไม่ใช่แค่คนๆ นี้ดูอบอุ่นเกลื่อนด้วยรอยยิ้ม หรือร้านๆ นี้ตกแต่งได้เก๋กิ๊บโดนใจ

วันก่อนฉันมีโอกาสไปเยือนร้านกาแฟแห่งหนึ่ง แถวสะพานผ่านฟ้า ติดกับวัดปรินายก และเป็นโอกาสดีที่ได้ทำความรู้จักกับเจ้าของร้าน รู้จักหน้า รู้จักตัว รู้จักใจ อาจจะเป็นเพราะเคมีตรงกันมังคะ บทสนทนาหลากเรื่องจึงลากยาว เลาะลึก ติดหนึบ เหมารวมว่าเธอกับฉันถึงขั้นหนิทหนมกันแล้ว

สิ่งที่ลากเราสองมาผูกพันกัน มีหลายเรื่องค่ะ หนึ่งในนั้นคือเรื่องของชาเขียว เป็นที่รู้กันอยู่ว่าชาเขียวมีประโยชน์หลายสถาน ฉันมักจะชอบจิบช้าๆ กับชาเขียวร้อนๆ ตลอดช่วงเช้าของแต่ละวัน มันช่วยดูดซึมพิษในร่างกายเราได้ดีนักแล ช่วยลดคลอเลสเตอรอล ช่วยเก็บกวาดไขมันเลว และขับไล่ไสส่งให้พิษระบายออกไปจากร่างกาย

ฉันกับน้องอู๊ด-เจ้าของร้านกาแฟที่เพิ่งเปิด คุยกันเรื่องชาเขียว เพราะฉันกำลังเห่อกับการทำเค้กชาเขียว ฉันเองคัดสรรชาเขียวอยู่นาน จนไปได้ชาเขียวผงละเอียดจากไร่ปลูกชาในจังหวัดเชียงราย เขาบอกว่าเป็นชาออร์กานิกซะด้วย การเอาผงชารสดี ผลิตอย่างมีคุณภาพ มาเป็นวัตถุดิบในการทำเค้ก แล้วขายในราคาไม่แพงนัก ประมาณว่าฉันกินได้โล่งใจ เธอก็ต้องกินได้อย่างโล่งใจด้วย่ ดีกับสุขภาพฉันและเธอ ฉันทำแล้วสุข เธอกินแล้วสุขตาม แค่นี้พอ ไม่ต้องคิดอะไรมาก ความสุขเกิดขึ้นแล้ว

เช่นเดียวกันค่ะ น้องอู๊ดที่ยืนง่วนปรุงชากาแฟอยู่ที่ร้าน เธอก็มีความคิดเช่นเดียวกับฉัน ฉันเห็นเธอคัดสรรวัตถุดิบแต่ละอย่างมาปรุงให้ลูกค้าดื่ม แล้วแหงนหน้ามองกระดานที่เธอเขียนตัวเลขราคาขายกำกับไว้ 30-40 และ 40 กว่าๆ ราคาไม่ถึงครึ่งร้อย แต่ว่า...ชาเขียวที่เธอนำมาชงร้อนนั้น วัตถุดิบคุณภาพ ไม่แต่งกลิ่น ไม่แต่งสี ไม่เติมความลำบากให้กับสุขภาพ แล้วเธอก็หยิบชาเขียวเกรดต่างๆ มาชงให้ดู กลิ่นนั้น สีนี้ รสชาติเป็นอย่างไร ของดี ของถูก วัดกันที่คุณภาพ

สุดท้ายแล้ว การคัดสรรชาเขียวมาปรุงให้ลูกค้าดื่ม ตัวตั้งสำหรับเธออยู่ที่ไหน ??
เธอบอกว่าอยู่ที่ความสุขใจของคนปรุงและคนดื่ม คนปรุงใช้ของดีหยิบยื่นให้คนดื่ม ขายของให้ลูกค้าในราคามิตรภาพ ดังนั้นมิตรภาพจึงเกิดขึ้นได้ในร้านกาแฟของเธอ

น้องอู๊ดในวันนี้เธอหันมาใช้ชีวิตสโลว์ไลฟ์ ไม่ร้อนรนเหมือนการใช้ชีวิตฟาสต์ไลฟ์ในวันก่อน โดยการลุกมาทำงาน เปิดร้านกาแฟเป็นของตัวเอง ช่วยกันคนละไม้ละมือกับเพื่อนที่มีแนวคิดเรียบง่ายเหมือนๆ กัน ก้าวแรกเพิ่งจะเริ่ม แต่ฉันก็ประทับใจแล้วค่ะ
นี่แค่เริ่มเรื่องชาเขียว ก็ลากยากกลายเป็น slow drink ถ้วยคุณภาพ ที่สะท้อนใจคนปรุง เป็นห่วงเป็นใยคนกิน ยังมีอีกหลายเรื่องค่ะ ที่น้องอู๊ดคนนี้สะท้อนแรงบันดาลใจให้กับฉัน ฉันคงเทียวไปเทียวมาที่ร้านนี้อีกบ่อยๆ

แล้วจะมาเล่าเรื่องดีๆ ส่งต่อแรงบันดาลใจให้อีกนะคะ

วันพฤหัสบดีที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2553

ดอกไม้เมื่อยังสวย



สวยที่สุดของดอกไม้ คือตอนที่มันกำลังชูช่อสะพรั่งบานอยู่ใช่มั้ยคะจ้องดูอยู่ได้นานไม่รู้เบื่อ เพราะมันสะท้อนภาพความสวยงาม
ความสดชื่น เหมือนได้ดูงานศิลปะ พลังของความงามของดอกไม้จึงช่วยส่งต่อให้คนที่ได้สัมผัส ฟื้นคืนมีชีวิตชีวาขึ้นมาได้

หันกลับมาดูตัวตนของเราบ้าง ความสดชื่น สดใส มิได้หยุดอยู่แค่วัยยังเอ๊าะนะคะ วัยที่บอกผ่านความเอ๊าะไปนาน ก็ยังประคองความสดชื่นสดใสให้อยู่คู่กับตัวเราได้ ขึ้นอยู่กับจิตใจภายในของเราต่างหาก อยู่ที่ว่าเราจะจัดระเบียบจิตใจของตัวเราเองให้สมดุลได้อย่างไร

ทำอย่างไรจึงไม่ตกเป็นทาสของอารมณ์ ที่ผันแปรรวดเร็ว วิ่งซนเป็นลิง ไม่เคยหยุดนิ่ง สิ่งที่จะควบคุมอารมณ์ของเราได้ คือใจที่ไม่อ่อนยวบ คือใจที่มีพลัง มีความเข้มแข็ง อารมณ์จะปรู๊ดปร๊าดไปทางไหน ก็ปลุกใจให้มีสติ ควบคุมอารมณ์ไว้ได้ทัน หากทำบ่อยๆ เดี๋ยวใจก็ตั้งมั่น แข็งแกร่งได้เอง


เมื่อสติอยู่กับตัว จะลงมือทำอะไร ทีนี้ก็ไม่ปรู๊ดปร๊าดแล้วละค่ะ อัตราเร่งถูกลดทอนลง ให้เวลากับสิ่งที่เราคิดอ่านหรือจะลงมือกระทำมากขึ้น สติมา ความตั้งใจเกิด แสงสว่างแห่งปัญญาก็วิบวับนำทางสว่างให้กับเราได้เมื่อปัญญาช่วยคลายปัญหาได้ ความไม่เคร่งเครียดก็ไม่เกาะกินตัว แล้วใจจะเหลืออะไร ...


ตอบได้เลยว่า ก็จะเหลือพื้นที่ให้ความสุขสงบมานอนเล่นไงคะ เมื่อความสดชื่นบรรทุกไว้เต็มใจ ความสดใสก็ตามมา

ไม่ว่าจะวัยไหน ดอกไม้ก็ยังบานสะพรั่งสะท้อนความสวยอยู่ได้เสมอ

วันเสาร์ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2553

ช้าๆ ทำให้เกิด "สติงามๆ"

Slow Life โดย "ปวิตรา เกษมเนตร"

... กายเรา ใจเรา ที่ประกอบร่างเป็นตัวตน ต้องมีสติประกบอยู่ตลอดเวลา จึงจะคิดอ่านทำการใดได้อย่างงามๆ การลดสปีดตัวเองให้ช้าลงจะทำให้สมาธิค่อยๆ ปรากฏ และจากนั้นสติก็จะโผล่ตัวมาร่วมแจมด้วย

เมื่อก่อนตอนที่ยังใช้ชีวิตสปีดเร็ว วันหนึ่งต้องรีบร้อนทำงานให้เสร็จทันตามกำหนดเวลาทุกอย่างเร็วรี่ไปหมด เดินเร็วกินเร็ว หายใจเร็ว คิดเร็ว พูดเร็ว บางที่คิดปรู๊ดปร๊าดไปถึงไหนต่อไหนแล้ว แต่วาจาที่เอ่ยกลับตามไม่ทันความคิด ทำให้กลายเป็นคนสื่อสารไม่รู้เรื่อง ชอบขับรถหลงทางเพราะมัวแต่เอาใจคิดอย่างอื่นไปด้วย ฉันอ่านขาดตัวเองในประเด็นนี้ได้ก็ตอนมาใช้ชีวิตช้าๆ ที่แสนจะแช่มชื่นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และเริ่มมองเห็นว่า การใช้ชีวิตสปีดช้าก็สามารถไปถึงที่หมายได้ทันการเหมือนกัน สติมาปัญญาเกิด ชีวิตที่ดำเนินผ่านพ้นไปในรายวันของเรา จะฝ่าฝันดงอุปสรรคไปได้ก็ด้วยปัญญาซึ่งต้องพึ่งพาสติที่ตั้งมั่น

ชีวิตในวันนี้ของฉันจึงเรียกร้องหา "สติ" อยู่ตลอดเวลา


  • สติทำให้ฉันสื่อสารได้ใจความในประโยคสั้นๆ ไม่ต้องร่ายยาวชักแม่น้ำทั้งห้าเหมือนเมื่อก่อน

  • สติทำให้ฉันขับรถไม่หลงทิศ ไปถึงที่หมายถูกทาง เพราะไม่อาศัยสัญชาตญาณพาไป แต่ใช้สมองนำทางถึงจุดหมาย ไร้ซึ่งอุบัติเหตุเฉี่ยวชน ไร้ซึ่งความหงุดหงิด

  • สติทำให้ฉันยั้งใจ นับหนึ่งถึงสิบเลยไปถึงหลักร้อยก็ได้ โดยไม่ออกอาการวี้ดว้ายปรี๊ดแตกกับปัญหาที่โถมใส่

  • สติทำให้ฉันได้คิด เมื่อคิดได้ก็มองโลกในแง่บวกมากขึ้น

  • สติทำให้ฉันกลับลำมาใช้ชีวิตช้าๆ งามๆ แทนที่ชีวิตด่วน ไม่รู้จักอิ่ม ไม่รู้จักพอ

  • สติทำให้ฉันมีความสุขกับชีวิตที่รู้จักพอ


... สติมา ปัญญาเกิด